Friday, November 30, 2012

ผม ไม่มี ผม

ผมกำลังจะ ไม่มีผม
เพราะอีก 2 วันข้างหน้า
ผมก็จะไม่อยู่แล้ว เพราะ

"ผมกำลังจะบวชครับ"

ใช่ครับ บวช ผมของผม
คงโดนโกนเกลี้ยงเป็นแน่แท้

ผมวางแผนเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างนานแล้ว
แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที ตั้งใจว่า กลางปี
แต่เลื่อนมาเป็น เดือนสุดท้ายของปี
เพราะหนีไปเที่ยวญี่ปุ่นเสียก่อน

หลังจากกลับมา ก็คิดอยู่สักพัก
ว่าจะบวชวัดไหนดี
อยากได้วัดที่ค่อนข้างเคร่ง
เพราะอยากบวชเพื่อศึกษาธรรมะ
และปฏิบัติอย่างจริงจัง

มองๆไว้อยากบวชไกลๆในต่างจังหวัด
แต่พ่ออยากให้บวชใกล้ๆ
จะได้ทำบุญตักบาตร

ดูไปดูมา
จนมาลงเอยที่วัดพระราม 9
ตามคำแนะนำของพ่อ

แต่ผมก็ยังไม่วายที่จะขอหนีไปจำวัด
ที่เขาใหญ่ ณ วัดมกุฏคีรีวัน
ในอีก 1 อาทิตย์หลังจากบวช

มันคงเป็นอีกหนึ่งการเดินทางของผม
ที่แตกต่างไปจากการเดินทางอื่นๆ

คงได้ทำ ในสิ่งที่ไม่เคยทำ
และไม่ได้ทำ ในสิ่งที่เคยทำ

ผมอยากให้การบวชในครั้งนี้
ทำให้ผมได้เข้าใจในตัวเองมากขึ้น
และเข้าใจธรรมชาติของโลกมากยิ่งขึ้น

ผมคงใช้เวลาในการบวชอย่างน้อย
1 เดือนตามที่ตั้งใจไว้
แต่ถ้าติดใจอาจจะขอเพิ่มอีก ก็เป็นได้

หลายคนถามคำถามนี้กับผม ว่า
"หลังจากบวชเสร็จจะทำอะไรต่อ"
รวมทั้งตัวผมเอง

แต่แล้ว ก็ยังไม่มีคำตอบ..ให้กับคำถามนี้ แต่อย่างใด
ไม่ใช่ไม่คิด
แต่มันคิดไม่ออก
เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคตละมั้ง

อีก 1 เดือนกว่าคุณคงได้เจอ
ผมคนใหม่ ในอนาคต และ
ผมเส้นใหม่ บนกบาลใบเดิม
.
.
.
.
.
.

"ผมคิดถึงตัวเองตอนไม่มีผม
มันคงจะแปลกตาดี
แล้วถ้าคุณไม่มีผมละ
จะรู้สึกแปลกมั้ย? "




กลับมาตั้งใจว่าจะเริ่มต้นการอัพบล๊อก เกี่ยวกับการไป wwoof แน่นอนครับ


ตามล่าหาฟูจิซัง ตอนที่ 3 Kawaguji lake

วันนี้เรารีบตื่นกันแต่เช้าเพื่อcheck out
และเดินไปยัง ทะเลสาปคาวากุจิ

วันนี้เรามีเวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
เพราะน้องต้องทำงานในช่วงเย็น
ถ้าเดินเล่นเพลินคงต้องตกรถแน่ๆ

(รถขากลับ ต้องแจ้งเวลาตั้งแต่ซื้อตั๋วเลยว่าเราจะกลับกี่โมง) 















                                               

ทะเลสาปคาวากุจิ มีแหล่งท่องเที่ยวให้เดินเล่น เดินชมค่อนข้างมาก
หากมีเวลาสามารเดินเล่นได้ทั้งวันเลย
แต่ดูจากตารางเวลาของผมแล้ว
ผมเลยเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไปชมฟูจิซังและ
เดินเล่นใกล้ๆแทน













































                                                                                                                                                                                                                                                                                        
ก่อนเดินขึ้นไปนั่งกระเช้า จะพบร้านคุ้กกี้น่ารักๆ
ชื่อว่า Fujiyama cookie โดยร้านนี้จะมีเอกลักษณ์ตรงที่
คุ้กกี้จะทำออกมาหน้าตาคล้ายๆฟูจิซัง
น่าซื้อกลับมาฝากจริงๆ

แต่เสียดายที่วันหมดอายุของมัน เร็วกว่าเวลาที่ผมจะเดินทางกลับ

ผมกับน้องเลยชิมมันซะทุกรสเลย..แต่ไม่ได้ซื้อ ^^














                                               

ตั๋วขึ้นกระเช้า เราสามารถใช้ pass เป็นส่วนลดได้














                                              

รอสักพักคนก็ทยอยมาขึ้นกระเช้า
พ่อแม่พาลูกๆมาเที่ยวเต็มไปหมด
ผมสงสัย นี่มันเปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรออ































                                               

ด้านบนจะเป็นลานกว้างๆ ให้เราสามารถเห็นฟูจิซังได้ชัด














                                               

แต่ทว่า เมฆจากไหนมาบังยอดฟูจิซัง อีกแล้วเนี่ยย
ท้องฟ้าออกตั้งกว้าง ไปกระจุกทำไมอยู่แค่ตรงนั้น
เหมือนเมฆมันจงใจแกล้งเราชัดๆ

ดูพี่กระต่ายยังนั่งหน้าเซงเลย















                                                
หามุมถ่ายไปเรื่อยๆ ระหว่างรอว่า เมฆมันจะเคลื่อนไปมั้ย















                                               

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่เมฆไม่ยักกะเคลื่อนที่ไปไหน
คงเป็นเราที่ต้องเป็นฝ่ายไปแทน

เรานั่งกระเช้ากลับลงมาและเลือกที่จะเดินดูร้านขายของที่ระลึก
แถวนั้น

คาแรกเตอร์ฟูจิซัง บนห่อขนมน่ารักดี





















                                                                          

หน้าตาของรถบัสที่พาเราไปยังแหล่งท่องเที่ยว
รอบๆทะเลสาบคาวากูจิ















                                               
เดินถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยก่อนกลับ

































                                               
หากใครมีโอกาสได้มาญี่ปุ่น 
ผมแนะนำว่าให้ลองมาชมฟูจิซังด้วยตาตัวเองสักครั้ง
แล้วจะหลงรักภูเขาไฟที่ถือว่า
เป็นหนึ่งในภูเขาที่สวยที่สุดในโลกแห่งนี้

ถ้ามีโอกาส ผมว่าจะกลับมาถ่ายรูป ตอนมันมีหิมะอยู่บนยอด
น่าจะสวยกว่านี้  และที่สำคัญเมฆต้องไม่บังด้วย - -"





















                                                                                                                                     

ขอร่ำลาไปด้วยภาพวิว ขณะนั่งรถกลับ
รู้สึกชอบวิวชนบทของญี่ปุ่นจริงๆ















                                               

--------   TIPS  --------
 
ตั๋วขึ้นกระเช้า เราสามารถใช้ pass เป็นส่วนลดได้ 
มันมีหลาย package ให้เลือกด้วย
 

Thursday, November 22, 2012

ตามล่าหาฟูจิซัง ตอนที่ 2 yamanaka lake


เช้าวันนี้เราตื่นมา อยู่กันที่จังหวัดยะมะนะชิ (yamanashi)
ที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบทั้ง 5
ที่หลายเวบแนะนะว่า เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้สวยมากกก

ทะเลสาบทั้ง 5 เกิดจากลาวาที่ไหลลงมาจากภูเขาไฟฟูจิ
เมื่อลาวาเย็นลง จึงยุบตัวเกิดกลายเป็นแอ่ง
พอหิมะบนยอดเขาละลาย จึงกลายเป็นทะเลสาบจนถึงปัจจุบัน
(เรื่องมันยาวจริงๆ)

Yamanakako (ทะเลสาบยามานากะ)
เป็นทะลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาทะลสาปทั้ง 5
สามารถเห็นวิวฟูจิซังสะท้อนน้ำสวยมาก
(ถ้าโชคดีอ่านะ - -*)

Kawagujiko (ทะเลสาบคาวากุจิ)
เป็นทะเลสาบยอดนิยมของนักเที่ยว สามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิว
ฟูจิซังได้ด้วย

Saiko (ทะลสาบไซ)
อยู่ติดกับ ทะลสาบคาวากุจิ จะเน้นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ

Shojiko (ทะลสาบโชจิ)
เป็นทะเลสาปที่เล็กที่สุดในบรรดาทะลสาบทั้ง5

Motosuko (ทะลสาบโมโตซุ)
เป็นทะลสาบที่ลึกเป็นอันดับ 9 ของญี่ปุ่น มีความสำคัญตรงที่วิวทะเลสาบนี้
สวยจนนำไปพิมพ์บนแบงค์พันเยน

File:1000 Yen from Back.jpg


ผมเดินออกมาจากที่พักไม่ไกลนัก
ก็ตกใจที่เห็นฟูจิซัง อยู่หลังสถานี แค่นี้เอง














                                               

ผมคิดในใจว่า
ถ้าภูเขาไฟฟูจิอยู่หลังบ้านเราแบบนี้
เราจะตื่นเต้นกับมันมั้ย
เราจะมองมันทุกวันรึเปล่า
หรือก็แค่ภูเขาธรรมดา

มันอาจจะเหมือนกับชื่อเพลงพี่เป้ ที่ว่า

"สิ่งที่สวยงามมักอยู่ไกลออกไป"

เราเลยเดินทางไกลมาดูภูเขาไฟ ถึงญี่ปุ่น

มาดู ในสิ่งที่บ้านเราไม่มีให้เห็น
มากิน ในสิ่งที่บ้านเราไม่มีให้ชิม
ไม่ว่ายังไง
สิ่งที่ได้กลับไปมันก็คือ ประสบการณ์

(สวยแบบนี้ ผมคงมองทุกวันละครับ ^^
ใน instagram ของ phantastic420
เขาก็คอยตามถ่ายฟูจิซังทุกวัน )

ขณะที่ผมยืนรอรถบัส
ก็เห็นบางกลุ่มที่กำลังจะไปปีนภูเขาไฟฟูจิ
ช่วงเดือนกรกฏา-สิงหา เป็นฤดูกาลปีนเขาพอดี

บางคนอยากไปสัมผัสใกล้ๆ
แต่ผมแค่มองไกลๆก็พอ
  
..พอดีไม่ได้เตรียมตัว เตรียมตังค์มาอ่านะ..55

ไม่เป็นไรวันนี้ผมจะพาไปชม ฟูจิซังที่ทะเลสาปยามานากะ  (yamanaka lake)














                                               

นั่งรถบัสมาลงยังป้าย Asahigaoka
เดินทะลุมาหน่อย ก็จะเจอกับวิวนี้เลย















                                               

มันช่างสวยอย่างที่เขาร่ำลือกันจริงๆ















                                               

ใครก็ได้เอาเมฆออกไปที่สิ - -*














                                               

 ตกปลาไป ชมฟูจิซังไป ชิวน่าดู















                                               

ขอลองขาวดำมั่ง















                                               

ระหว่างที่ถ่ายรูปจนอื่มใจ คราวนี้ก็ต้องเดินกลับไปยังย่านชุมชน
แดดตอนบ่าย มันช่างร้อนเสียนี้
ผมกับน้องเลยจะลองโบกรถคนญี่ปุ่นดู
เห็นในหนังสือเขาโบกได้
.
.
.
.
ผ่านไปเป็นสิบคัน ก็ยังไม่จอด
เลยตัดสินใจเดินกลับกันเอง

สามารถนั่งเรือน้องหงษ์ ชมวิวได้นะ














                                               

มิ้อนี้ฝากท้องเซเว่นเช่นเดิม
ขณะนั่งกินข้าวกล่อง ก็เหลือบไปเห็นคนกำลังเล่นฟลายบอร์ด (Fly board)
ว้าวโคตรเท่ คล้ายๆกับไอรอนแมนเลย






 
คลิปนี้เป็นคลิปโปรโมทเจ้าเครื่องฟลายบอร์ด 

 

เมื่อกินเสร็จจึงเดินเล่นสักพัก
ละตัดสินใจว่าจะลองไปเดินเล่นที่
ทะเลสาบคาวากุจิ ในตอนเย็นกัน

ระหว่างทางก็สะดุดตากับป้ายประจำทาง
ชื่อคุ้นๆ เหมือนเป็นแหล่งท่องเที่ยว
เลยขอลงก่อน

เลยเจอกับศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เข้า
 "ศาลเจ้าฟูจิเซ็นเก็น"

ศาลเจ้าฟูจิเซ็นเก็น (fuji sengen shrine) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น 
ตั้งอยู่ระหว่างทางทะเลสาบยามานากะและทะเลสาบคาวากุจิ
มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเคโคะ สร้างขึ้นเมื่อปี 802
ต้นไม้ที่นี้มีขนาดสูงมากก เพราะอายุของมันนับร้อยๆ พันๆ ปี
(เพิ่งมารู้ที่หลังว่าสำคัญขนาดนี้ แหะๆ)

















                                              

ป้ายหน้าห้องน้ำ ยุคเอโดะ 55

















                                               

เหมือน entry นี้จะยาวเกินไปแล้ว
ขอลาไปก่อนด้วยภาพพระอาทิตย์ตกที่ทะเลสาบคาวากุจิครับผม














                                              

--------   TIPS  --------

- การเดินทางไปยังทะเลสาบยามานากะนั้นใช้บริการรถ
fujikyu bus ได้ฟรีเพราะรวมใน fuji hakone pass แล้ว

- นั่งรถบัสมาลงยังป้าย Hotel Mi.Fuji Iriguchi จะเห็นภูเขาได้ชัดกว่า
ลงที่ Asahigaoka ครับ

Tuesday, November 20, 2012

ตามล่าหาฟูจิซัง ตอนที่ 1 hakone

ในการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้
สิ่งที่ผมอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
นั่นก็คือ "ภูเขาไฟฟูจิ"
ภูเขาที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
และเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
มีความสูงประมาณ 3776 เมตร วัดเส้นรอบวงได้
ยาวประมาณ 100 เมตร ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซึโอะกะ
และจังหวัดยะมะนะชิ

เช้าวันนี้ ผมกับน้องกำลังยืนรออยู่หน้าเคาร์เตอร์ เพื่อซื้อตั๋ว
Hakone-fuji pass ที่สถานีชินจูกุ
รอไม่นานนัก ประตูก็เปิดเลื่อนขึ้น
เราโชคดี ที่เจอพนักงานคนไทย
เลยง่ายต่อการสื่อสาร และสอบถามเส้นทาง

เราเลือกที่จะไปเที่ยวที่ ฮาโกเน่กันก่อน
ฮาโกเน่(Hakone) เป็นเมืองท่องเที่ยวโด่งดังที่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก
และสามารถเห็นฟูจิซังได้ด้วย (ในวันฟ้าใสอ่านะ - -*)
เลยเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
















                                                   

เรานั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุจนถึงเมืองโอดาวาระ
จากสถานีโอดาวาระ เราสามารถนั่งรถไฟ หรือรถบัส
ไปเที่ยวที่ต่างๆในบริเวณฮาโกเน่ได้แล้วแต่เรา

ผมเลือกที่จะไปเที่ยวปราสาทโอดาวาระ
ก่อนอันดับแรก เพราะอยู่ไม่ไกลมากนักจากสถานี
สามารถเดินไปได้














                                                  

ผมใช้เวลาที่นี้ไม่มากนัก เพราะเคยไปเข้าชมปราสาทฮิเมจิที่โอซาก้ามาแล้ว
แต่ถ้าหากใครยังไม่เคยชมปราสาทญี่ปุ่นก็แนะนำให้เข้าไปดูครับ
แต่ที่ผมไม่เข้าไป เพราะมันจะคล้ายๆกัน เสียตังค์และ
ถ่ายรูปไม่ได้ด้วย แหะๆ
(ถ้ามาช่วงซากุระบาน ที่นี้จะสวยมากครับ ดูจากรูปของคนอื่นนะ)

หลังจากนั้นผมเดินกลับมายังสถานี
เพื่อนั่งรถบัสไปเที่ยวยังที่ต่อไป




รถบัสพาเรามาถึงท่าเรือฮาโกเน่มาจิ เพื่อขึ้นเรือชมทะเลสาบอาชิ
และภูเขาไฟฟูจิ














                                              

ระหว่างนั้นก็เดินหาของกินไปด้วย แต่ราคามันค่อนข้างแพงนัก
เราเลยฝากท้องกันที่ 7-eleven


เรือกำลังแล่นเข้ามาจอดข้างท่าเรือ ช้าๆ
รูปทรงของมันราวกับเรือในการ์ตูนวันพีช
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมลูฟี่ถึงอยากเป็นโจรสลัด 



ในแผ่นพับเขาบอกว่า ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟฮาโกเน่ 
ในยุคก่อนประวัติศาตร์ มีความยาวประมาณ 19 กิโลเมตร 
ในวันที่อากาศปลอดโปร่ง เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ

แต่วันนี้มันไม่ใช่วันที่อากาศปลอดโปร่ง 
มันเป็นวันที่เมฆเทาๆปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ผมคงไม่ได้เห็นฟูจิซังง่ายๆแน่ๆ














                                               
                                             
หลังจากถึงฝั่ง เราเลือกที่จะนั่งกระเช้าต่อไปยังหุบเขาโอวาคุดานิ

















 





หุบเขาโอวาคุดานิ (owakudani) เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่มอดสนิด 
ที่มีบ่อน้ำแร่กำมะถันที่เข้มข้น จนเมื่อนำไขjไก่ไปต้ม
แล้วเปลือกของไข่จะกลายเป็นสีดำ
และมีความเชื่อกันอีกว่าถ้ารับประทานไข่ดำ 1 ฟอง 
จะทำให้อายุยืนขึ้น อีก 7 ปี 
ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวที่นี้เพื่อชิม "ไข่ดำ"
















                                                  

1 ถุงจะมีไข่อยู่ 6 ฟอง ราคา 500 เยน
ผมซัดไปเกือบ 4 ฟอง ตอนนี้ผมคงมีอายุยืนขึ้นอีก 28 ปีแล้วละ 55



ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับไปขึ้นกระเช้า
เมฆเทาๆค่อยๆจางหาย 
สิ่งที่ผมตามปรากฏอยู่เบื้องหน้า
นั้น นั้น ภูเขาไฟฟูจิ!!!!



























                                               

ผมดูภาพภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเปรียบเทียบกับรูปถ่าย
ถ้าเรามาช่วงฤดูหนาว
เราคงเห็นหิมะปกคลุมฟูจิซังอยู่ด้านบน
เราคงพบกันเร็วเกินไป

หลังจากนี้ผมก็นั่งกระเช้า ต่อรถราง
เพื่อไปยังสถานีโกระ

















                                               

จากสถานีโกระตอนแรกผมวางแผนกับน้องจะไปยัง
Gotemba outlet แต่ถามคนขับแล้วเขาบอกว่าเวลาไม่น่าจะพอ
ผมเลยเปลี่ยนแผนเพื่อไปสถานีโกเทมบะเลย

จากสถานีโกเทมบะ ต้องนั่งรถต่อเพื่อไปยัง
สถานีคาวากูจิโกะ เพื่อเข้าที่พักที่ได้จองไว้





















                                                                         

วันนี้เป็นการเดินทางที่ยาวนาน
และเหนื่อยมากเพราะต้องนั่งรถหลายต่อ

แต่วิวระหว่างที่นั่งรถผ่านก็ทำให้ ผมหายเหนื่อยได้เหมือนกัน



















--------   TIPS  --------

- บัตร Hakone-Fuji Pass ราคา 7200 เยน
ใช้ได้ 3 วัน ซื้อ pass ได้ที่ Odakyu sightseeing service center
สถานีชินจูกุ ฝั่งประตูออกทางด้าน west











                                    


                                                                              
- หากไปช่วงหน้าเทศกาลควรจองตั๋วล่วงหน้า
- ใช้บัตร pass นี้เป็นส่วนลดเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วย
- หากคนที่จะไป Hakone อย่างเดียวก็มี pass เฉพาะ
5000 เยน สำหรับ 2 วัน
- การเที่ยวแต่ละที่ที่ฮาโกเน่ ต้องวางแผนเวลาให้ดีๆ
และเช็คเวลารถรอบสุดท้ายด้วยว่าออกกี่โมง