Showing posts with label travel. Show all posts
Showing posts with label travel. Show all posts

Friday, November 30, 2012

ตามล่าหาฟูจิซัง ตอนที่ 3 Kawaguji lake

วันนี้เรารีบตื่นกันแต่เช้าเพื่อcheck out
และเดินไปยัง ทะเลสาปคาวากุจิ

วันนี้เรามีเวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
เพราะน้องต้องทำงานในช่วงเย็น
ถ้าเดินเล่นเพลินคงต้องตกรถแน่ๆ

(รถขากลับ ต้องแจ้งเวลาตั้งแต่ซื้อตั๋วเลยว่าเราจะกลับกี่โมง) 















                                               

ทะเลสาปคาวากุจิ มีแหล่งท่องเที่ยวให้เดินเล่น เดินชมค่อนข้างมาก
หากมีเวลาสามารเดินเล่นได้ทั้งวันเลย
แต่ดูจากตารางเวลาของผมแล้ว
ผมเลยเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไปชมฟูจิซังและ
เดินเล่นใกล้ๆแทน













































                                                                                                                                                                                                                                                                                        
ก่อนเดินขึ้นไปนั่งกระเช้า จะพบร้านคุ้กกี้น่ารักๆ
ชื่อว่า Fujiyama cookie โดยร้านนี้จะมีเอกลักษณ์ตรงที่
คุ้กกี้จะทำออกมาหน้าตาคล้ายๆฟูจิซัง
น่าซื้อกลับมาฝากจริงๆ

แต่เสียดายที่วันหมดอายุของมัน เร็วกว่าเวลาที่ผมจะเดินทางกลับ

ผมกับน้องเลยชิมมันซะทุกรสเลย..แต่ไม่ได้ซื้อ ^^














                                               

ตั๋วขึ้นกระเช้า เราสามารถใช้ pass เป็นส่วนลดได้














                                              

รอสักพักคนก็ทยอยมาขึ้นกระเช้า
พ่อแม่พาลูกๆมาเที่ยวเต็มไปหมด
ผมสงสัย นี่มันเปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรออ































                                               

ด้านบนจะเป็นลานกว้างๆ ให้เราสามารถเห็นฟูจิซังได้ชัด














                                               

แต่ทว่า เมฆจากไหนมาบังยอดฟูจิซัง อีกแล้วเนี่ยย
ท้องฟ้าออกตั้งกว้าง ไปกระจุกทำไมอยู่แค่ตรงนั้น
เหมือนเมฆมันจงใจแกล้งเราชัดๆ

ดูพี่กระต่ายยังนั่งหน้าเซงเลย















                                                
หามุมถ่ายไปเรื่อยๆ ระหว่างรอว่า เมฆมันจะเคลื่อนไปมั้ย















                                               

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่เมฆไม่ยักกะเคลื่อนที่ไปไหน
คงเป็นเราที่ต้องเป็นฝ่ายไปแทน

เรานั่งกระเช้ากลับลงมาและเลือกที่จะเดินดูร้านขายของที่ระลึก
แถวนั้น

คาแรกเตอร์ฟูจิซัง บนห่อขนมน่ารักดี





















                                                                          

หน้าตาของรถบัสที่พาเราไปยังแหล่งท่องเที่ยว
รอบๆทะเลสาบคาวากูจิ















                                               
เดินถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยก่อนกลับ

































                                               
หากใครมีโอกาสได้มาญี่ปุ่น 
ผมแนะนำว่าให้ลองมาชมฟูจิซังด้วยตาตัวเองสักครั้ง
แล้วจะหลงรักภูเขาไฟที่ถือว่า
เป็นหนึ่งในภูเขาที่สวยที่สุดในโลกแห่งนี้

ถ้ามีโอกาส ผมว่าจะกลับมาถ่ายรูป ตอนมันมีหิมะอยู่บนยอด
น่าจะสวยกว่านี้  และที่สำคัญเมฆต้องไม่บังด้วย - -"





















                                                                                                                                     

ขอร่ำลาไปด้วยภาพวิว ขณะนั่งรถกลับ
รู้สึกชอบวิวชนบทของญี่ปุ่นจริงๆ















                                               

--------   TIPS  --------
 
ตั๋วขึ้นกระเช้า เราสามารถใช้ pass เป็นส่วนลดได้ 
มันมีหลาย package ให้เลือกด้วย
 

Tuesday, November 20, 2012

ตามล่าหาฟูจิซัง ตอนที่ 1 hakone

ในการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้
สิ่งที่ผมอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
นั่นก็คือ "ภูเขาไฟฟูจิ"
ภูเขาที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
และเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
มีความสูงประมาณ 3776 เมตร วัดเส้นรอบวงได้
ยาวประมาณ 100 เมตร ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซึโอะกะ
และจังหวัดยะมะนะชิ

เช้าวันนี้ ผมกับน้องกำลังยืนรออยู่หน้าเคาร์เตอร์ เพื่อซื้อตั๋ว
Hakone-fuji pass ที่สถานีชินจูกุ
รอไม่นานนัก ประตูก็เปิดเลื่อนขึ้น
เราโชคดี ที่เจอพนักงานคนไทย
เลยง่ายต่อการสื่อสาร และสอบถามเส้นทาง

เราเลือกที่จะไปเที่ยวที่ ฮาโกเน่กันก่อน
ฮาโกเน่(Hakone) เป็นเมืองท่องเที่ยวโด่งดังที่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก
และสามารถเห็นฟูจิซังได้ด้วย (ในวันฟ้าใสอ่านะ - -*)
เลยเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
















                                                   

เรานั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุจนถึงเมืองโอดาวาระ
จากสถานีโอดาวาระ เราสามารถนั่งรถไฟ หรือรถบัส
ไปเที่ยวที่ต่างๆในบริเวณฮาโกเน่ได้แล้วแต่เรา

ผมเลือกที่จะไปเที่ยวปราสาทโอดาวาระ
ก่อนอันดับแรก เพราะอยู่ไม่ไกลมากนักจากสถานี
สามารถเดินไปได้














                                                  

ผมใช้เวลาที่นี้ไม่มากนัก เพราะเคยไปเข้าชมปราสาทฮิเมจิที่โอซาก้ามาแล้ว
แต่ถ้าหากใครยังไม่เคยชมปราสาทญี่ปุ่นก็แนะนำให้เข้าไปดูครับ
แต่ที่ผมไม่เข้าไป เพราะมันจะคล้ายๆกัน เสียตังค์และ
ถ่ายรูปไม่ได้ด้วย แหะๆ
(ถ้ามาช่วงซากุระบาน ที่นี้จะสวยมากครับ ดูจากรูปของคนอื่นนะ)

หลังจากนั้นผมเดินกลับมายังสถานี
เพื่อนั่งรถบัสไปเที่ยวยังที่ต่อไป




รถบัสพาเรามาถึงท่าเรือฮาโกเน่มาจิ เพื่อขึ้นเรือชมทะเลสาบอาชิ
และภูเขาไฟฟูจิ














                                              

ระหว่างนั้นก็เดินหาของกินไปด้วย แต่ราคามันค่อนข้างแพงนัก
เราเลยฝากท้องกันที่ 7-eleven


เรือกำลังแล่นเข้ามาจอดข้างท่าเรือ ช้าๆ
รูปทรงของมันราวกับเรือในการ์ตูนวันพีช
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมลูฟี่ถึงอยากเป็นโจรสลัด 



ในแผ่นพับเขาบอกว่า ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟฮาโกเน่ 
ในยุคก่อนประวัติศาตร์ มีความยาวประมาณ 19 กิโลเมตร 
ในวันที่อากาศปลอดโปร่ง เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ

แต่วันนี้มันไม่ใช่วันที่อากาศปลอดโปร่ง 
มันเป็นวันที่เมฆเทาๆปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ผมคงไม่ได้เห็นฟูจิซังง่ายๆแน่ๆ














                                               
                                             
หลังจากถึงฝั่ง เราเลือกที่จะนั่งกระเช้าต่อไปยังหุบเขาโอวาคุดานิ

















 





หุบเขาโอวาคุดานิ (owakudani) เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่มอดสนิด 
ที่มีบ่อน้ำแร่กำมะถันที่เข้มข้น จนเมื่อนำไขjไก่ไปต้ม
แล้วเปลือกของไข่จะกลายเป็นสีดำ
และมีความเชื่อกันอีกว่าถ้ารับประทานไข่ดำ 1 ฟอง 
จะทำให้อายุยืนขึ้น อีก 7 ปี 
ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวที่นี้เพื่อชิม "ไข่ดำ"
















                                                  

1 ถุงจะมีไข่อยู่ 6 ฟอง ราคา 500 เยน
ผมซัดไปเกือบ 4 ฟอง ตอนนี้ผมคงมีอายุยืนขึ้นอีก 28 ปีแล้วละ 55



ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับไปขึ้นกระเช้า
เมฆเทาๆค่อยๆจางหาย 
สิ่งที่ผมตามปรากฏอยู่เบื้องหน้า
นั้น นั้น ภูเขาไฟฟูจิ!!!!



























                                               

ผมดูภาพภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเปรียบเทียบกับรูปถ่าย
ถ้าเรามาช่วงฤดูหนาว
เราคงเห็นหิมะปกคลุมฟูจิซังอยู่ด้านบน
เราคงพบกันเร็วเกินไป

หลังจากนี้ผมก็นั่งกระเช้า ต่อรถราง
เพื่อไปยังสถานีโกระ

















                                               

จากสถานีโกระตอนแรกผมวางแผนกับน้องจะไปยัง
Gotemba outlet แต่ถามคนขับแล้วเขาบอกว่าเวลาไม่น่าจะพอ
ผมเลยเปลี่ยนแผนเพื่อไปสถานีโกเทมบะเลย

จากสถานีโกเทมบะ ต้องนั่งรถต่อเพื่อไปยัง
สถานีคาวากูจิโกะ เพื่อเข้าที่พักที่ได้จองไว้





















                                                                         

วันนี้เป็นการเดินทางที่ยาวนาน
และเหนื่อยมากเพราะต้องนั่งรถหลายต่อ

แต่วิวระหว่างที่นั่งรถผ่านก็ทำให้ ผมหายเหนื่อยได้เหมือนกัน



















--------   TIPS  --------

- บัตร Hakone-Fuji Pass ราคา 7200 เยน
ใช้ได้ 3 วัน ซื้อ pass ได้ที่ Odakyu sightseeing service center
สถานีชินจูกุ ฝั่งประตูออกทางด้าน west











                                    


                                                                              
- หากไปช่วงหน้าเทศกาลควรจองตั๋วล่วงหน้า
- ใช้บัตร pass นี้เป็นส่วนลดเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วย
- หากคนที่จะไป Hakone อย่างเดียวก็มี pass เฉพาะ
5000 เยน สำหรับ 2 วัน
- การเที่ยวแต่ละที่ที่ฮาโกเน่ ต้องวางแผนเวลาให้ดีๆ
และเช็คเวลารถรอบสุดท้ายด้วยว่าออกกี่โมง



Friday, November 16, 2012

โตเกียว ท้องฟ้า ต้นไม้

เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนือโตเกียวทาวเวอร์ (tokyo tower) ยังมี
"โตเกียวสกายทรี (tokyo sky tree)"

โตเกียวสกายทรี (tokyo sky tree) หรือโตเกียวทาวเวอร์แห่งใหม่นั้น
เป็นหอกระจายคลื่น ขนาดความสูง 634 เมตร (2,080 ฟุต)
เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
และนับว่าเป็น หอคอยสื่อสารที่สูงที่สุดในโลก

เมื่ออาคาร และตึกต่างๆถูกออกแบบ
และแข่งกันสร้างให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
โตเกียวทาวเวอร์ ที่เคยยิ่งใหญ่
และมีความสำคัญมากกับประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงหนึ่ง กลับไม่สามารถส่งสัญญาณโทรทัศน์ได้อีก
เนื่องถูกอาคารเหล่านั้นบดบังสัญญาณ
"โตเกียวสกายทรี" จึงได้ถือกำเนิดขึ้น

หลังจากที่เดินเที่ยวภายในวัดอาซาคุสะเสร็จ
ผมและน้องก็วางแผนว่าจะเดิน
ไปเที่ยว โตเกียวสกายทรี
หอคอยแห่งใหม่ของญี่ปุ่นกัน














                                                 
 
วิวริมแม่น้ำตรงนี้สวยมาก ผมเลยขอนั่งพักชมวิวสักหน่อย
ผมรู้สึกว่าบ้านเมืองของญี่ปุ่นนั้น ถึงจะมีตึกอาคารสูงมากมายเพียงใด
แต่มันก็ยังมีพื้นที่ให้เราได้เห็นท้องฟ้ากว้างๆอยู่บ้าง
หรือไม่ก็เป็นประเทศที่แม่น้ำค่อนข้างเยอะ
ทำให้ผมหลงรักวิวริมแม่น้ำของที่นี้จริงๆ

เหมือนจะใกล้ แต่ก็ไกลเหมือนกัน



































                                            
                                          

และแล้วเราก็มาถึง โตเกียวสกายทรี
ผมลองเสิชกูเกิลดูว่าพบว่า
ถ้าเดินจาก asakusa ระยะทางก็ประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร
หากมีเวลาน้อย นั่งรถไฟจะเร็วกว่า

บริเวณโตเกียวสกายทรี
จะมีทั้งห้างและพิพิธภัณฑ์
ของที่ขายล้วนน่ารัก น่าซื้อทั้งนั้น























                                                                                                                                                         

สำหรับคนที่ชื่นชอบโตเกียวบานาน่า
ที่นี้จะมีรสชาติพิเศษที่ทำขาย
เฉพาะที่นี้ด้วย

เป็น โตเกียวบานาน่าลายเสือ รสช๊อกโกแลต
ผมว่ามันหวานๆไปหน่อยนะ                                                                                                        





คนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่อแถวกันยาวเหยียด 
เพื่อขึ้นไปชมวิว เมืองโตเกียว
แต่ผมคงต้องขอถอนตัว เพราะคนเยอะมาก
บวกกับค่าขึ้นชมที่ค่อนข้างจะแพง 
2000 เยนสำหรับ ความสูง 350 เมตร   
(ไว้ผมจะพาไปชม วิวเมืองโตเกียว จากโตเกียวทาวเวอร์)
















                                                   

เดินจนมืดค่ำกันเลย
บริเวณรอบๆโตเกียวทาวเวอร์นี้ มีร้านอาหารเยอะแยะ
เหมาะแก่การนั่งชิวและ ชมแสงไฟจากโตเกียวสกายทรี

































                                                                                                                      

ผมยืนมอง หอคอยที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ แล้วคิดว่า

หากมนุษย์ ยังคงแข่งกันสร้างตึกให้สูง และสูงแบบนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ
อนาคต เราคงได้เห็น หอคอยที่สูงกว่า เมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า
และพอถึงวันนั้น การได้เห็นท้องฟ้าจากพื้นดินคงกลายเป็นเรื่องยาก
เพราะมีแต่ตึกสูงๆบัง 'ท้องฟ้า' เต็มไปหมด





















                                                                        

ขอบคุณที่ติดตามชมนะครับ

--------   TIPS  --------

- ถ้านั่งรถไฟจาก asakusa ไป tokyo sky tree
 ให้นั่งสาย tobu skytree line นั่งไปแค่สถานีเดียวประมาณ 140 เยน