Showing posts with label inspirations. Show all posts
Showing posts with label inspirations. Show all posts

Thursday, August 2, 2012

Let's Wwoof in Japan

ผมกำลังจะไป WWOOF คร้าบบบ !!


หลายคนสงสัยว่า ไอ้ wwoof นี่มันคืออะไรวะ
วันนี้ผมเลยอยากแบ่งปันประสบการณ์ในการสมัครสมาชิก
เป็น wwoofer มาแบ่งปันกันครับ

เรามาเริ่มรู้จัก Wwoof กันก่อนดีกว่า
 
 
WWOOF หรือ เต็มๆว่า World Wide Opportunites on Organic Farms
เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1971 เมื่อ Sue Coppard เกิดไอเดียที่จะเชิญชวน
เหล่าอาสาสมัครผู้เบื่อหน่ายชีวิตในเมือง ลองมาใช้ชีวิตในชนบทดูบ้าง โดยมาลองทำงาน
ในฟาร์มออร์แกนิคช่วงสุดสัปดาห์  ปรากฏว่า ผลตอบรับค่อนข้างดีทำให้กิจกรรมนี้แพร่ขยาย
ไปอีกหลายประเทศทั่วโลก และเรียกกลุ่มคนเหล่านั้นว่า “ Wwoofer ”
การไป wwoof นั้นเราจะไม่ได้รับค่าจ้างเป็นตัวเงิน แต่จะทำงานเพื่อแลกกับอาหาร
และที่พักฟรีโดยทำงานวันละ 6 ชั่วโมงหรือแล้วแต่ตามตกลงระหว่างเรากับเจ้าของบ้าน (Host)
การได้เข้าไปทำงานในฟาร์มไม่เพียงแค่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
แต่ยังได้แลกเปลี่ยนความเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและก่อเกิดมิตรภาพ อีกด้วย


ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเองก็มี wwoof แล้วด้วยนะ ลองคลิ๊กเข้าไปที่ 



ทำไมผมถึงอยากจะไป wwoof ?

          ผมรู้จักโครงการนี้จากหนังสือของเพื่อนที่ทำงานของผม  เปิดอ่านผ่านๆ รู้แค่เพียงว่า

เราไปทำงานในฟาร์มในต่างประเทศ แลกกับการกินอยู่ฟรี ผมคิดว่า เฮ้ยโครงการนี้แม่งดีวะ 
คงประหยัดค่ากินค่าที่พักไปได้เยอะ  ถ้ามีเวลาก็น่าไป แต่ตอนนั้นผมเพิ่งเป็นเด็กหนุ่มเพิ่งเริ่ม
เข้าทำงาน  ทำให้ผมหยุดความคิดนี้ไปในทันที


ผ่านไปเกือบ 3 ปี...

ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ ในหัวผมมันก็คอยแต่คิดอยากจะไปเที่ยว 

อยากทำอะไรใหม่ ไปเจออะไรใหม่ๆ
อาจจะเพราะด้วยงานของผม ทำให้ผมอยู่แต่หน้าคอมทั้งวัน

เคยนั่งๆทำงานอยู่แล้วรู้สึกเบื่อมั้ยครับ?  มองไปทางไหนก็เจอแต่กำแพงคอนกรีต
 

ตื่นเช้าขึ้นมา
แปรงฟัน 
อาบน้ำ 
ออกจากบ้าน
นั่งรถไปทำงาน 
ทำ
ทำ
ทำ 
นั่งรถกลับบ้าน 
เปิดคอม เล่นfb อ่านเวบ อ่านหนังสือ
อาบน้ำ  
นอน
(อ่านใหม่อีกรอบ)
 
ผม รู้สึกอึดอัดกับการดำเนินชีวิตที่วนลูป หรือเป็นวัฐจักรแบบนี้ทุกวัน

หลายๆหนังสือที่ผมอ่านในขณะนั้น  ได้พยายามบอกกับผมว่า 
“ลองถามใจตัวเองดูสิ ว่าสิ่งที่คุณทำในปัจจุบันนี้ คือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆนะหรือ”
ผมลองถามใจตัวเองดู....คำตอบที่ได้คือ ไม่ใช่


ความสุขของผมที่มีหายไปกับการทำงาน 

ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
เพราะไม่ชอบ 
เพราะไม่ใช่
เพราะกดดัน หรืออะไรก็ตาม..
ทำให้ผมอยากจะหนีจากมัน
แม้ผมจะลองอดทนทำดู สู้มันไปตั้งหลายครั้ง
แต่ก็ทำอะไรกับความรู้สึกเบื่อหน่ายนี้ไม่ได้สักที
อาจจะเพราะมันเกิดที่ใจของผมเอง


ผมเลยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้

ผมจะออก ผมจะไปเที่ยว และผมจะไปญี่ปุ่น

คำ ว่า wwoof เข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ผมนั่งหาข้อมูล ประสบการณ์ของคนที่เคยไป 

และตามหาหนังสือ “ปฏิบัติการบุกญี่ปุ่น” ของพี่ดนัย 
หนังสือที่ผมเคยเปิดอ่านผ่านๆสมัยที่ผมเริ่มทำงาน
มันทำให้ความอยากไปของผมเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว 

ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไป wwoof
ผมจะลองไปใช้ชีวิตกับคนแปลกหน้า แปลกภาษา
ไปทำฟาร์ม  ไปเป็นพี่อาทิจในแดนอุทัย :P


(พี่อาทิจที่หมายถึงคือ ณเดช ที่เล่นในเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง)



“เฮ้ยแต่เราพูดภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องแล้วจะไปได้หรอวะ”

“เอาน่าา ลองไปดู” ผมย้ำกับตัวเองอีกครั้ง

(เพี้ยนจนคุยกับตัวเองได้แล้ว)

   

(แต่ ถ้าใครอยากจะไปเพราะอยากไปเรียนรู้การทำฟาร์มและเปลียนวัฒนธรรม หาประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ลองไปดูก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องไปเพราะเบื่อชีวิตแบบผม :) 



 


ลองถามตัวคุณดูนะ ว่า ณ ขณะนี้คุณมีความสุขกับชีวิตอยู่รึเปล่า?

ถ้าคำตอบคือ ไม่...คงต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิตแล้วละ

<< เริ่มต้นสมัคร wwoof >>



Saturday, February 11, 2012

Don't Worry, Be Happy



In a way of the future...
If you don't know everything.... 
what do u want to do? 
where do you want to go?

.... Don't Worry, Be Happy : ) ...

Thursday, November 3, 2011

100 Things I’ve Learned About Photography

I found this topic from this link "100 Things I’ve Learned About Photography"
wrote from Martin Gommel. This article is very thoughful and inspiring so
I have translated to Thai language


บทความนี้ผมแปลมาจากลิ้งด้านบนนะครับ 
อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจเยอะทีเดียวลองอ่านกันดูนะ





100 Things I’ve Learned About Photography


100 สิ่งที่ฉันเรียนรู้จาการถ่ายภาพ

1. Never do photography to become a rock-star
- อย่าถ่ายภาพเพราะคิดว่าจะโด่งดัง

2. Enjoy what you are shooting
- สนุกสนานกับการกดชัตเตอร์ในแต่ละครั้ง

3. Prepare well for your shooting, realizing that your battery isn’t charge when you’re setting up for that sunrise shoot is too late
- เตรียมพร้อมกับการถ่ายรูปของคุณในทุกสถานการณ์  บางที..คุณอุตส่าตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น  แต่กลับพบว่าแบทกำลังจะหมด - -" 

4. Always take one warm garment more than you actually need with you
- ใส่เสื้อผ้าอุ่นๆเพิ่มเข้าไปอีกตัว

5. Pay attention to your thoughts and emotions while you are shooting
- ใส่ใจกับความคิดและอารมณ์ของเราในขณะกำลังกดชัตเตอร์

6. Set goals you can achieve
- ตั้งเป้าหมาย...ให้พอกับที่เราจะทำมันสำเร็จ

7. Write tips about photography, because writing is also learning
- เขียนข้อคิดและคำแนะนำเกี่ยวกับการถ่ายภาพเอาไว้

8. Never go shooting without a tripod
- อย่าไปถ่ายรูป โดยไม่มีขาตั้งกล้อง

9. Be pleased with the little prosperities
- ควรยินดีกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ

10. Build relationships with potential photo buddies
- สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนที่ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน

11. Watch the place you want to shoot first with your heart then with the camera
- มองสถานที่ที่เราถ่ายภาพด้วยหัวใจและความรู้สึก... ก่อนที่จะใช้กล้องถ่ายรูป

12. Always stay calm
- ใจเย็นเสมอ

13. Know that you tend to overestimate yourself
- รู้จักประเมินค่าตัวเองให้สูงเข้าไว้

14. Perspective is the killer
- Perspective ทำให้ภาพดูดีเสมอ

15. Dedicate yourself to photography, but never browbeat yourself too much
- ทุ่มเทให้กับการถ่ายภาพ แต่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป

16. Take part in a photography community
- มีส่วนร่วมกับชมรมถ่ายภาพ

17. Keep your camera clean
- ทำความสะอาดกล้องหน่อยนะ

18. Never compare yourself to others in a better or worse context
- อย่าไปเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น...ไม่ว่าจะแง่ที่เราดีกว่า หรือ แย่กว่า

19. Find your own style of photography
- หาแนวทางหรือสไตล์การถ่ายภาพของเราให้เจอ

20. Try to compose more and to hit the shutter less
- พยายามจัดองค์ประกอบให้มากขึ้น  กดชัตเตอร์ให้น้อยลง

21. Seek out and learn to accept critique on your images
- แสวงหาและเรียนรู้...ในคำวิจารณ์เกี่ยวกับภาพของเรา

22. Do something different to recover creativity
- ลองทำบางสิ่งที่มันแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วย

23. Get inspiration from the work of other photographers
- หาแรงบันดาลใจการทำงานจากช่างภาพคนอื่นๆ

24. Criticize honestly but respectfully
-วิจารณ์ด้วยความจริงใจและสุภาพ

25. Get feedback from your lady
- น้อมรับความคิดเห็นจากคนข้างกาย

26. Don’t copy other photographer’s style
- อย่าลอกเลียนสไตล์งานของคนอื่น

27. Be bold
- ใจกล้าเข้าไว้

28. Take care of the golden ratio
- คำนึงถึง golden ratio 

29. 10mm rocks!
- ความยาวโฟกัสเลนส์ 10mm มันหินมาก!! ไม่ใช่คร้าบ เจ๋งมากต่างหาก :)

30. Take self portraits
- ลองถ่ายรูปตัวเองดูบ้างนะ

31. Read books about photography
- อ่านหนังสือถ่ายภาพบ้าง

32. To give a landscape photograph the extra boost, integrate a person (maybe yourself)
- เพื่อให้การถ่ายภาพทิวทัศน์ ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นควรมีคนอยู่ในภาพด้วย ถ้าไม่มีใครก็ตัวเองนั้นแหละ

33. Every shooting situation is different than you expect
- ทุกสถานการณ์ที่เราถ่ายนั้นอาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ;p

34. Pay attention to s-curves and lines
- ใส่ใจกับ s-curve และ line

35. Always shoot in RAW
- พยายามถ่ายภาพไฟล์ RAW เสมอๆ

36. Keep your sensor clean, so you can save some work cleaning your image in post production
- ดูแลรักษา sensor ให้สะอาด  เพราะมันจะช่วยประหยัดเวลาในการแต่งภาพ

37. Discover the things you think are beautiful
- ค้นหาสิ่งที่เราคิดว่ามันงดงามให้เจอ

38. It takes time to become a good photographer
- มันต้องใช้เวลากว่าจะเป็นช่างภาพที่เทพได้

39. The best equipment is that what you have now
- อุปกรณ์ที่ดีที่สุดคืออุปกรณ์ที่เรามีอยู่นั้นแหละ (ปลอบใจสำหรับคนงบน้อยได้จริงๆ TT TT)

40. You can’t take photographs of everything
- เราไม่สามารถถ่ายรูปทุกอย่างได้หรอก

41. Break the rules of photography knowingly, but not your camera ;)
- ฝ่ากฎทุกอย่างที่เราได้รับรู้มา

42. Pay attention to the different way that light falls on different parts of your scene
- ให้ความสนใจกับทิศทางของแสง

43. The eye moves to the point of contrast
- สายตา มันชอบมองหาจุดที่แตกต่าง

44. Clouds increase the atmosphere of a landscape
- เมฆจะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับภาพทิวทัศน์

45. Start a photoblog
- เริ่มต้นเขียน blog ถ่ายรูปซะ

46. Accept praise and say “thank you”
- น้อมรับคำชมและกล่าว "ขอบคุณ" เสมอ

47. ‘Nice Shot’ is not a very useful comment to write
-"ถ่ายสวยดี" ไม่ใช่คำวิจารณ์ที่มีประโยชน์สักเท่าไร

48. ‘Amazing!’ isn’t useful either. Try to describe specifically what you like or don’t like about an image.
"เจ๋งวะ" ก็ไม่ได้ประโยชน์พอกัน  พยายามอธิบายว่าเราชอบอะไร  และไม่ชอบอะไรในภาพนั้น

49. You are not your camera
- มุมมองเกิดจากเรา ไม่ใช่เพราะกล้อง

50. Ask a question at the end of your comment on a photo to get a ping-pong conversation with the photographer
- ถามคำถามในท้ายความคิดเห็น เพื่อจะได้มีอะไรคุยกันต่อ




51. Do a review of your archives on a regular basis, the longer you photograph - the more diamonds are hidden there
- เอาภาพที่ถ่ายไว้ มาดูบ่อยๆสิ  ยิ่งถ่ายรูปนานเท่าไหร่ ยิ่งจะเจอรูปดีๆนั้นซ่อนอยู่

52. Always clarify what the eyecatcher (focal point) will be in your image
- พยายามให้ภาพของเรามีจุดดึงดูดสายตา ( focal point )

53. No image is better than a bad one
- ไม่มีภาพกลับมา ยังดีกว่าซะกว่าได้ภาพแย่ๆ TT ^ TT 

54. Everyone has to start little
- ทุกคนก็เริ่มต้นพอๆกันนั้นแหละ

55. Your opinion about photography is important!
- ทัศนคติเกี่ยวกับการถ่ายภาพนั้น...เป็นสิ่งสำคัญ!!

56. Leave a funny but thoughtful comment
- ใส่อารมณ์ขันในคำติชมแต่ต้องให้ข้อคิดดีๆด้วย

57. Speak about your experiences with your photo buddies
- เล่าเรื่องราวประสบการณ์การถ่ายภาพให้เพื่อนช่างภาพของเราฟัง

58. Limit your photograph to the substance
- (แปลไม่ถูก ใครรู้บอกที )

59. Participate in Photo contests
- ลองเข้าร่วมประกวดถ่ายภาพดูบ้าง

60. Post processing = Optimizing your image to the best result
- การแต่งรูปหลังถ่าย มันจะทำให้รูปของเราออกมาแจ่มที่สุด

61. Shoot exposure latitudes as often as possible
- ถ่ายคร่อมเข้าไว้ (ไอ้ที่มันถ่าย มืด ปกติ สว่าง อ่ะ)

62. Use photomatix as seldom as possible, HDR’s always have a synthetic flavor
- ไม่ควรทำภาพ HDR บ่อยนัก เพราะมันดู fake ชอบกล (แต่ผมว่ามันก็เป็นสไตล์อย่างหนึ่งนะ)

63. Always remember what brought you to photography
- พยายามนึกไว้เสมอๆ ว่า อะไรดลใจที่ทำให้เราชอบถ่ายรูป

64. Never shoot a person who doesn’t want to be photographed
- อย่าถ่ายรูปคน ที่ไม่ต้องการถูกถ่าย

65. Always turn around, sometimes the better image is behind you
- มองรอบๆดูซะบ้าง บางทีรูปสวยๆอาจอยู่ข้างหลังเรา

66. It’s who’s behind the camera, not the camera
- มันขึ้นอยู่กับคนหลังกล้องต่างหาก ไม่ใช่ที่กล้อง (จำเอาไว้น้าา :) )

67. Mistakes are allowed! The more mistakes you make, the more you learn!
- ยอมรับในความผิดพลาด ยิ่งผิดพลาดมาก ยิ่งเรียนรู้มาก

68. If you have an idea and immediately you think : No, this is not going to work - Do it anyway. When in doubt - always shoot.
- เมื่อเราปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมา แต่ไม่แน่ใจว่ามันเวิร์กรึป่าว ไม่ต้องกลัว ทำมันไปเลย

69. Understand and look to your histogramm while shooting. It delivers very important information about your image
- พยายามทำความเข้าใจกับ histogram ด้วยเพราะมันบอกข้อมูลที่สำคัญของภาพเราอยู่

70. Know your camera, because searching the menu button in the night is time you don’t want to waste
- ต้องรู้จักกล้องของเราให้ดีๆ เพราะว่าเวลาเราหาปุ่มตอนกลางคืน มันเสียเวลานะ

71. Shoot as often as possible
- ถ่ายให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ (เออ ไม่ใช่ขี้นะคับ - o -")

72. Believe in yourself
- เชื่อมั่นในตัวเอง (สำคัญเลยทีเดียว)

73. Don’t be afraid of getting dirty
- อย่าไปกลัวว่าตัวจะเลอะเทอะ

74. Pay attention to quality in your image
- ใส่ใจกับคุณภาพของรูปบ้าง

75. Your photographs are a personal map of your psyche
- รูปของเรา จะสื่อสิ่งที่เป็น... ตัวตนของเราออกมา

76. Re-check your ISO-Settings. It’s awful to detect the wrong settings on your screen.
- พยายามเชคค่า ISO บ่อยๆ เพราะมันจะแย่มากถ้าหากค่ามันตั้งผิด

77. Be thankful for long and thoughtful comments on your images
- จงขอบคุณ คนที่วิจารณ์ภาพของเรา ยาวววววหยียด และเต็มไปด้วยแง่คิด  

78. Never trust your LCD. Normally it is brighter and sharper as the original image.
- อย่าได้หลงเชื่อจอ LCD เชียวละ เพราะมันสว่างและคมกว่าภาพจริงเยอะ 
(แล้วตูจะเชื่อจากไหนฟระเนี่ย)

79. Provide for enough disc space, because it’s cheap and you will need it.
- พยายามหาฮาร์ดดิสใหญ่ๆไว้สำหรับเก็บรูปด้วย

80. Learn to enjoy beautiful moments when you don’t have a camera with you.
- เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับความสวยงาม ยามที่คุณไม่มีกล้องอยู่ด้วย

81. Always arrive at least half an hour earlier before sunrise / sundown,
composing in a hurry is a bad thing.
- ควรไปถึงจุดที่จะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น  หรือตก ก่อนสักครึ่งชั่วโมง
 เพื่อจัดองค์ประกอบภาพไว้ก่อน ไปช้าอาจจะไม่ทันการ

82. Try to amplify your mental and physical limits.
Takes some extra shots when you think “it’s enough”
- พยายามขยายขอบเขตความรู้สึกของเราดู 
เมื่อเรารู้สึกว่ากดชัตเตอร์พอแล้ว  ลองกดเพิ่มอีกสัก2-3รูปดู

83. Pay attention to structures in the sky and wait until they fit into structures in the foreground
- จัดองค์ประกอบของท้องฟ้าและฉากหน้าให้เหมาะสมกัน

84. Visit the same place as often as possible. Light never shows the same mountain.
- แม้สถานที่จะเหมือนเดิม แต่แสงไม่เคยเหมือนเดิม

85. Print your images in big size. You will love it.
- อัดรูปขนาดใหญ่ๆเข้าไว้ แล้วคุณจะรักมัน

86. Calibrate your monitor. Working with a monitor that is not accurate
is like being together with someone you can’t trust. It always ends badly.
- ปรับจอภาพของเราให้ดี เพราะการทำงานกับหน้าจอที่เชื่อถือไม่ได้ 
ก็ไม่ต่างกับทำงานกับคนที่เยื่อถือไม่ได้ ผลสุดท้ายก็แย่

87. Don’t think about what others may say about your image. If you like it, it’s worth publishing.
- อย่าไปคิดว่าคนอื่นจะว่ายังไงกับรูปของคุณ ถ้าคุณชอบก็...จัดไป

88. Never address reproaches to yourself. Learn from your mistakes and look forward, not backward.
- อย่าตำหนิตัวเอง  เรียนรู้จากความผิดพลาดซะ  แล้วมองไปข้างหน้า

89. Fight your laziness ! Creativity comes after discipline.
- อย่าขี้เกียจ!!!! ความคิดสร้างสรรค์จะตามหลังการฝึกฝนเสมอ (จำเอาไว้ !!!)

90. Ask yourself : What do you want to express in your images ?
- ถามตัวเอง...ว่ารูปของคุณต้องการจะสื่ออะไร

91. Always try to think outside the box, collect new ideas about photographs you could do and ask yourself : Why not?
- พยายามคิดนอกกรอบ  สะสมไอเดียใหม่ๆ ทำและถามตัวเองบ่อยๆว่า " ทำไมจะไม่ได้ละ"

92. Search for a mentor.
- ค้นหาคนที่จะคอยแนะนำ

93. Photography is never a waste of time.
- การถ่ายรูป ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเปล่า

94. Every community has it’s downsides. Don’t leave it out of an emotional response..
- ทุกๆสังคมนั้น มันมีด้านแย่ๆอยู่  อย่าใช้อารมณ์

94. There will always be people who will not like what you are doing.
- มันมักจะมีคนที่ไม่ชอบสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เสมอ

96. Henri Cartier-Bresson was right when he said that “Your first 10,000 photographs are your worst.”
- Henri Cartier-Bresson บอกไว้ได้ถูกว่า 10,000 ภาพแรกของเรา คือภาพที่ห่วยที่สุด (ตูถึงยังฟระ - -* )

97. A better camera doesn’t guarantee better images.
- กล้องเทพ ไม่ได้รับประกันว่า รูปจะออกมาเทพเสมอไป

98. Always have printing in mind when you post process your images.
- คิดถึงการอัดรูปเสมอ เวลาที่เราตกแต่งภาพหลังถ่าย

99. Photography is fair : You gain publicity with the quality of your images.
 Unless the images are stolen, there is no way of cheating yourself higher.
- การถ่ายรูปที่สวย  คือภาพของเรานั้นได้รับการยอมรับ 
เว้นเสียแต่ว่าภาพนั้นเราขโมยเขามา มันไม่ใช่วิธีการที่ดีเลยที่จะยกระดับตัวเอง


100. Write a 100 things list
อย่าลืมเขียน 100 สิ่งที่คุณได้เรียนรู้มา  :)


ป.ล. แปลผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยคร้าบบ ขอให้สนุกกับการถ่ายรูปนะ



Thursday, October 20, 2011

Cool Clip from scientifantastic | Midnight sun

I found this clip from vimeo. It is filled with inspiration.


Midnight Sun | Iceland from SCIENTIFANTASTIC on Vimeo.

Scientifantastic,he travel alone at the Iceland for 17 days.It's very beautiful.
He told on description that "everyone out there,photographer or not, is simple...
You MUST visit Iceland sometime during your lifetime.You will never regret it."

So I take note the Iceland on my beautiful place it should go before i death lists.

วันนี้ลองนั่งๆหาคลิปโดนใจมาอัพบล๊อกครับ หลังจากที่ดองมานาน
(แอบรู้สึกผิด -..-) ก็ไปเจอคลิปนี้เข้า

เป็นคลิปที่ถูกบันทึกโดย Scientifantastic เขาเดินทางไปไอซ์แลนทั้งหมด 17 วัน
เขาใช้เวลาเกือบจะ 24 ชั่วโมงในการบันทึกภาพ 38,000 รูปกับการเดินทาง
2900 ไมล์

เขาบอกว่า ไอซ์แลนนั้นเปรียบได้กับสวรรค์และสนามเด็กเล่นของคนที่ชื่่นชอบ
การถ่ายแบบแนว landscape และเป็นอีกที่หนึ่งที่นักถ่ายภาพควรไปให้ได้
ผมจะบันทึกเอาไว้ ว่านี่เป็นอีกสถานที่ที่ควรไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

Wednesday, August 31, 2011

MY dream




I belive many people have dreams
Deep down, everyone would have something to do.
What would to be. ...Including me

My dream is  ... "travel around the world."
That's thing so I would like to make real in this life.
I can't remember now that this dream.
It starts from when. But it is impossible at all.
I have forgotten it ... until I read a book.
name is bookkonsumkan(roundfinger).

"If You don't do what you dream in your life
When do you wanna do? Nextlife?...I don't think so
You have to make them come true."

Just a short message. It also reminds me of the dreams
that I want to travel around the world again.

It is the fire that inspiration

This is the text of Alvaro Niel, who is currently cycling around the world.
Neal, age 41, He decided to resign from a stable career lawyer.
He find out with a dream of cycling around the world.
He is not just cycling. But also to the comedian as well.

After I read it.I wanna pack my bag
and go outside at once hahaha.

True and Dream different with you "DO" or "NO"
If you really want to do or really want to be
Just have Patience, commitment and effort to do again and again

Just do it.

Now, I think, and plan to make the dream is true.



ผมเชื่อว่าหลายๆคนมีความฝัน ลึกๆแล้ว..ทุกคนก็คงมีสิ่งที่อยากทำ มีสิ่งที่อยากเป็น
อยู่ในใจกันแถบทั้งนั้น....รวมถึงผมด้วย

ความฝันของผมคือ..." การเดินทางรอบโลก "
นั่นละครับ สิ่งที่ผมอยากทำให้ได้ในชีวิตนี้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าความฝันนี้
มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่อาจเพราะมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
ผมจึงเลยลืมเลือนมันไป...จนกระทั่งผมได้อ่านข้อความหนึ่งในหนังสือ
ที่ชื่อ บุกคนสำคัญ ของพี่เอ๋(นิ้วกลม)

" ถ้าคุณไม่ทำตามสิ่งที่คุณฝันเอาไว้ในชีวิตนี้
เมื่อไรละที่คุณจะทำได้  
ชาติหน้าหรือ...ผมไม่คิดแบบนั้น
คุณเกิดมาเพื่อทำความฝันนั้นให้เป็นจริง"

เพียงข้อความสั้นๆ นี้มันก็ทำให้ผมนึกถึงความฝันที่ว่าอยากเดินทางรอบโลกอีกครั้ง

มันเป็นตัวจุดไฟที่เรียกว่าแรงบันดาลใจ
เหมือนใครเอาจอบมาขุด คุ้ย เขี่ย ความฝันผมขึ้นมาอีกครั้ง

ข้อความนี้เป็นข้อความของ อัลวาโร นีล คนที่ขณะนี้กำลังออกปั่นจักรยานรอบโลก
นีลอายุ 41 ปีแต่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพทนายความที่มั่นคง
ออกมาตามหาความฝันด้วยการปั่นจักรยานไปรอบโลก
เขาไม่เพียงปั่นจักรยานเท่านั้น แต่ยังแสดงตลกไประหว่างที่ไปอีกด้วย

ในหนังสือยังเขียนบอกถึงคำพูดของนีลอีกว่า

"ชีวิตคนเราเหมือนกับกระป๋องโยเกิร์ต ทุกคนมีวันหมดอายุกำหนดเอาไว้แล้ว
เพียงแต่มันอยู่ข้างบนที่เรามองไม่เห็น
และด้วยความที่เราไม่รู้
เราความทำสิ่งที่อยากทำตอนนี้ และเดี๋ยวนี้"

อ่านแล้วมันรู้สึกสะเทือนใจ หวั่นไหวไปหลายริกเตอร์เลยทีเดียว
อยากจะเก็บกระเป๋าแล้วออกไปทำตามฝันให้ได้เดี๋ยวนั้น

ความจริงต่างกับความฝันตรงที่ "ทำ" กับ "ไม่ทำ"
ฝันอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ลองลงมือทำดูครับ
อดทน มุ่งมั่น ตั้งใจและพยายามทำต่อไป
ความฝันถ้ามันได้มาง่ายๆ มันคงไม่ใช่ความฝัน

ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างคิดและวางแผนเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริงอยู่ครับ ^^